วิทยานิพนธ์ฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาเกี่ยวกับสาเหตุ ความชุก และรูปแบบร่องรอยการบาดเจ็บต่าง ๆ บนกระดูก (trauma) ที่แสดงถึงความขัดแย้งหรือความรุนแรงภายในสังคม ด้วยการศึกษาร่องรอยการบาดเจ็บที่พบบนโครงกระดูกสมัยเหล็กจากแหล่งโบราณคดีโนนบ้านจาก ตำบลคอหงส์ อำเภอโนนสูง จังหวัดนครราชสีมา ในการขุดค้นระหว่าง พ.ศ. 2554-2558 และการเปรียบเทียบกับรายงานผลการวิเคราะห์โครงกระดูกมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์จากแหล่งโบราณคดีต่าง ๆ ในเอเชียตะวันตะวันออกเฉียงใต้ภาคพื้นแผ่นดินใหญ่ เพื่อทดสอบสมมติฐานว่าความชุกหรือความถี่ของรอยโรคการบาดเจ็บบนกระดูกจะเพิ่มมากขึ้นจากสมัยหินใหม่ถึงสมัยเหล็ก เป็นผลจากพัฒนาการทางสังคม-การเมืองที่ซับซ้อนขึ้น ความหนาแน่นของจำนวนประชากร และการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อม
ผลการศึกษาพบว่าประชากรผู้ใหญ่โนนบ้านจากประมาณ 1 ใน 4 พบร่องรอยการบาดเจ็บบนกระดูกที่เกิดขึ้นในขณะมีชีวิต เพศชายมักพบร่องรอยการบาดเจ็บในส่วนกะโหลกศีรษะบนและเท้าต่างจากเพศหญิงที่พบการบาดเจ็บในส่วนไหปลาร้า ซี่โครง และส่วนปลายแขน โดยส่วนใหญ่เป็นผลที่เกิดจากอุบัติเหตุหรือการประกอบกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน อย่างไรก็ตามการพบร่องรอยการบาดเจ็บบนกะโหลกศีรษะบน และลักษณะกระดูกแตกแบบ parry (parry fracture) บนกระดูกปลายแขนด้านในที่เป็นการบาดเจ็บจากการยกแขนป้องกันตัวก็บ่งชี้ถึงความขัดแย้งระหว่างบุคคลภายในสังคมได้โดยนัยหนึ่ง
ความชุกของรอยโรคการบาดเจ็บของประชากรในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพิ่มสูงขึ้นจากร้อยละ 7.8 ในสมัยหินใหม่ เป็นร้อยละ 12.6 ในสมัยเหล็ก สอดคล้องกับหลักฐานทางโบราณคดี เช่น สิ่งก่อสร้างประเภทป้อมค่าย อาวุธเหล็กประเภทดาบ หัวหอกหรือหัวอาวุธแบบโพรเจกไทล์ต่าง ๆ ที่พบในสมัยเหล็ก แสดงถึงความขัดแย้งที่เพิ่มสูงขึ้นตามระดับพัฒนาการความซับซ้อนทางสังคม